วันเสาร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2558

วันศุกร์ที่ผ่านมา (2มค2558) ไปละหมาดวันศุกร์

วันศุกร์ที่ผ่านมา (2มค2558) ไปละหมาดวันศุกร์
4 January 2015 at 00:06
เมื่วันศุกร์ที่ผ่านมา (2มค2558) ไปละหมาดวันศุกร์ อาจารย์ชาฟิอีไม่ได้ขึ้นคุตบะห์ มีอาจารย์มุลลาขึ้นแทน คุตบะห์เรื่องวันที่ 2มค ปี ค.ศ. 1492 เป็นวันที่มุสลิมแอนดาลุส (Andalusia) สูญเสียดินแดน กรานาดา (Granada) อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองหลวง "คอโดบา" ไป 130กม) เมืองกรานาดาเป็นหัวเมืองใหญ่ทางใต้ของเมือง "แมดริด" MAdrid ประมาณ 360กม.

แคว้นอัลแอนดาลุสนี้ประกอบไปด้วยเมืองหลวงชื่อ คอร์โดบา เมืองเซวิลล์ มาลาก้า กรานาด้า สมัยก่อนที่มุสลิมจะเข้ามายึดครอง ดินแดนนี้เป็นหัวเมืองปลายแถวห่างไกลจากพวกโรมัน ซึ่งโรมันไม่เคยมาครอบครองเลย แม้จนกระทั้งอาณาจักรไปแซนไทน์ โรมันตะวันออก (กรีก) ก็ไม่เคยมาครอบครอง ปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างไว้ที่นี่เลย ดินแดนแถบอังกฤษ ฝรั่งเศษ เยอรมัน ออสเตรีย และแถบสแกนดิเนเวีย อยู่ห่างไกลอำนาจโรมันทั้งสิ้น มีอาณาจักรของแต่ลัคนไม่ใหญ่โตนัก ปกครองกันเป็นเมืองเล็ก จึงไม่มีความเจริญทางด้านสิ่งก่อสร้าง กองกำลังทหารเพิ่ปกป้องตนเองก็น้อยและไม่มีพันธมิตรข้างบ้านรอบเมืองตนเอง เมื่อกองกำลังมุสลิมโดย วะลีดที่ 1 บิน อับดุล มาลิก แห่งราชวงศ์อุมัยยะห์เข้ามาโจมตีจึงไม่ยากเย็นนัก เมื่อวาลิดที่ 1 ยึดครองแคว้นแอนดาลุสได้ ก็แต่งตั้งผู้สำเร็จราชการมาปกครองดูแล และอีกไม่ช้า ก็ยกทัพขึ้นเหนือไปตีซาลาโกซ่า แอนโดรร่า(เป็นประเทศเล็กๆประเทศหนึ่งติดกับฝรั่งเศษและสเปน และยกทัพตีเมืองตุลุสของฝรั่งเศษ ขึ้นไปจนถึงเมืองบอร์โด แล้วไม่ได้ครอบครอง (อาจจะเพราะอากาศหนาวเย็นมาก ทำให้ไม่สนใจ) กองทัพก็ย้อนกลับลงมาที่คอร์โดบาอย่างเดิม สุลต่านวาลิดที่ 1 กลับไปขยายอาณาเขตทางเหนืออาณาจักรอุมัยยะห์แห่งชาม (ซีเรีย) ขยายอาณาเขตไปตะวันออก ได้เปอร์เซีย (อิหร่านปัจจุบัน) จนถึงแอฟกานิสถาน ไฮเดอร์ลาบัด มุมไบ(อินเดีย) ลาฮอร์(ปากีสถาน) ทาจิกิสถาน คีร์กิสถาน คาซัคสถาน อุสเบกิสถาน เติร์กเมนิสถาน ทางเหนือได้ตุรกี จนถึงอิสตันบูล (เดิมชื่อคอนสแตนติโนเปิ้ล เป็นเมือหลวงของจักรวรรดิ์ไบแซนไทน์
ดินแดนแอนดาลุส ปี711 - 1492ดินแดนแอนดาลุส ปี711 - 1492

อาณาจักรสุลต่านวาลิดที่1 และสมัยต่อ ๆ มาจนถึงสมัยของออตโตมาน เจริญรุ่งเรืองมาก ทั้งทางด้านวิชาการสมัยใหม่ เช่น การแพทย์ การเมืองการปกครอง วิชาเคมี วิชาฟิสิกส์ วิชาดาราศาสตร์ ด้านศาสนาก็ขยายความรู้เรื่องศาสนาออกไปสุดดินแดน มีการให้ผู้รู้ไปสอนศาสนาหัวเมืองไกลๆ อาณาจักรอิสลามที่เคยยิ่งใหญ่กว้างขวาง ค่อยหดตัวลงต้องเสียดินแดนต่างๆ ไปตามความอ่อนแอของผู้ปกครอง จนมาถึงยุคก่อนสงครามโลกที่ 1 อาณาจักรออโตมานเหลือดินแดนเพียงยุโรปตะวันออก บัลกาเรีย เซอร์เบีย บอสเนียและเฮอเซโกวิน่า มอนเตเนโกร โคโซโว่า หลังสงครามโลกที่ 1 อาณาจักรออตโตมานแพ้สงคราม ต้องโดนยึดดินแดนไปหมดเหลือแต่ส่วนที่เป็นตุรกีปัจจุบัน ดินแดนแถบตะวันออกก็ถูกจักรพรรดิ์เจง กิส ข่าน บุกยึดครองแถบประเทศที่ลงท้านด้วยคำว่า "สถาน" ได้หมด


คุตบะห์นี้เปรียบเทียบวันเทศกาลขึ้นปีใหม่ พวกกาฟิรีน เฉลิมฉลองกินเหล้าเมายากันทั่งแผ่นดิน แต่เป็นวันที่อาณาจักรแอนดาลุสแห่งอุมัยยะห์ต้องเสียเอกราชคืนกลับสู่สเปนดังเดิม เราจะเรียกว่าดินแดนอิสลามก็ไม่ใช่เพราะมันสูญสิ้นไปแล้ว และเดิมก็เป็นของพวกเขาสเปน มีดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกปล้นโดยยิงไซออนไนต์นี่แหละที่เรียกได้ว่า เป็นของปาเลสไตน์ เพราะก่อนที่นบีมูซาจะอพยบชาวยิวมาที่นี่ นบีก็ต้องไปรบรากับพวกฟิลิสตีนดั้งเดิมจนได้ชัยชนะมา แล้วจึงพาพวกยิวเข้ามาตั้งถิ่นฐานในเมืองได้ ต่อมาสมัยนบีดาวูด ก็รบกับฟิลิสตีนโกไลแอตชนะ จึงได้สถาปนาดินแดนนั้นเป็นประเทศตน เรื่อยมาจนถึงฮิตเลอร์จับฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ พวกยิวอพยบหนีไปจากดินแดนปาเลสไตน์หมดแล้ว ไปแสวงหาดินแดนใหม่ๆทำมาหากินกัน จนร่ำรวย จนคิดหาทางกลับสู่ดินแดนปาเลสไตน์โดยอ้างว่าเป็นดินแดนพันธสัญญา พวกยิวมันอ้างแต่ฝ่ายเดียวเพราะมันจะเอาดินแดนนี้จากปาเลสไตน์ จนพวกมันใช้กลอุบายร่วมกับอังกฤษ หลอกว่าซื้อดินแดนแถบนี้ไปแล้ว แต่ชาวปาเลสไตน์ไม่ได้ขายและไม่ได้รับเงินด้วย พวกยิวมันเข้สมาตั้งถิ่นฐานได้ด้วยการหนุนหลังจากอังกฤษและอเมริกา ทั้งทางด้านสะเบียง อาวุธยุทโธปกรณ์ ทหาร และทำการปล้นดินแดนที่ตนอยากได้ไปอย่างเลือดเย็น พวกยิวมันฆ่าเด็ก ผู้หญิง คนขรา ได้อย่างไม่สะทกสะท้านต่อบาปใดๆ เพราะพวกไซออนไนต์มันมีความเชื่อกันว่า "ผู้ที่ไม่ใช่ยิว ก็ไม่ใช่คน ไม่ต่างจากสัตว์เดิน2ขา มันจึงฆ่าได้โดยไม่กลัวบาป"

อิสลามสอนให้มุสลิมอยู่ร่วมกันต้องรู้จักที่จะผ่อนหนักผ่อนเบาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมต่างศาสนาวัฒนธรรมกันอย่างสงบสุข ไม่ก่อความเดือดร้อนต่อเพื่อนบ้าน ให้รักเพื่อนบ้านดุจดังญาติพี่น้อง มีอะไรก็ควรเผื่อแผ่กัน
ฉะนั้นฉันมีความคิดเห็นส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับคุตบะห์ ไม่เกี่ยวกับคุตบะห์  ไม่เกี่ยวกับคุตบะห์ ว่า การอยู่ร่วมกันกับศาสนิกอื่นๆ นั้นไม่ใช่เพียงแต่เราจะยึดเอาหลักกู ไม่ใช่หลักการศาสนาอิสลาม ว่าทำอะไรๆก็จะผิดศาสนาอิสลามไปเสียทั้งหมด ทั้งๆที่นบีสอนให้อยู่ร่วมสังคมกัน ให้ช่วยเกื้อกูลกัน ให้ดูแลทุกข์สุขกันดุจดังญาติพี่น้อง การพบเห็นสิ่งใดที่ผิดแผกไปจากอิสลาม นั่นคืออุธาหรณ์สอนใจตนให้รำลึกถึงอัลลอฮ์มากขึ้น รู้จักที่จะละทิ้งความผิดต่างๆ ไป ไม่ใช่เอาแต่ใจตนคิดเห็นอยู่ฝ่ายเดียว ตนถูกเสมอนั้นไม่ใช่แนวทางอิสลาม อิสลามสอนให้ละทิ้งความเคยชินของตนลงเสียดุจดังเป็นผู้อพยบ (มุฮาญิรีน) ไม่ยึดมั่นถือมั่นในตัวเองต้องเอาหลักศาสนาอิสลามมาใช้ดำเนินชีวิต เคยฟังการบรรยายจากบางสำนักว่า "ถ้าฉันไปงานศพ ให้ฉันไปแล้วรีบ ๆ ลากลับ ห้ามอยู่ร่วมพิธิกรรม " อยากถามว่าไปงานศพแค่ไปให้ญาติพ่อแม่พี่น้องเห็นหน้าว่ามาเท่านั้นนะหรือ พวกที่มาบรรยายเขาไม่เคยมีพ่อแม่พี่น้องเป็นพุทธจึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพุทธ อ่านบทความนี้แล้วเขาคงนึกแย้งอยู่ในใจว่า ก็ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้เรื่องศาสนาอื่นนี่ ผิดไปแล้วครับ ท่านนบีสอนให้ซอฮาบะห์ได้เรียนรู้ถึงภาษาอื่นด้วย การที่เราจะเรียนรู้ภาษาอื่นเราก็ต้องเรียนรู้วัฒนธรรมเขาด้วยเราจึงจะได้ภาษาที่แท้ของเขา การที่ฉันยังมีญาติพี่น้องเป็นพุทธ ยังมีญาติผู้ใหญ่บางท่าน ชักชวนให้กลับไปนับถือพุทธดังเดิมอยู่เลย แต่ฉันแยกแยะได้ว่าอิสลามอยู่ตรงไหน พุทธอยู่ตรงไหน การไปร่วมงาน
แม่ย่าไทย วัดบึงลัฏฏิวัน ท่าหลวง บ้านหมอ สระบุรีแม่ย่าไทย วัดบึงลัฏฏิวัน ท่าหลวง บ้านหมอ สระบุรี

การไปร่วมงานศพไม่ใช่ไปให้มันแล้ว ๆ กันไป เป็นการคิดที่ผิดสำหรับพวกที่อ้างตนเองว่าเป็นอาจารย์ (ผู้รู้ผู้บรรยายอิสลาม) การไปงานศพนั้นไปเพื่อให้เกียรติ์แก่พ่อแม่พี่น้องที่ยังมีชีวิต ไม่ได้ไปกราบไหว้ศพ ได้แค่เพียงไปยืนอยู่ข้างศพแล้วขอดุอาอ์ให้เขาด้วยความหวังจากอัลลอฮ์ที่จะอภัยโทษและเมตตากรุณาต่อเขา ในฐานะเราเป็นลูกหลานน้องพี่กับศพ พวกนักบรรยายเขาไม่สนใจว่าศาสนิกอื่นเขาใช้ชีวิตทางศาสนากันอย่างไร แล้วเที่ยวเอามาเป็นความรู้ให้ตนเองไปในทางที่ผิดๆ เช่นพวกศาสนิกอื่นๆ เห็นว่าอิสลามป่าเถื่อน รุนแรง ไม่มีการศึกษา ก็เช่นนี้แหละว่า รู้อะไรมาก็รู้ไม่จริงแล้วเที่ยวเอามาสอนพวกเดียวกันที่ไม่รู้เหมือนๆกัน การไปเยี่ยมศพญาติที่เป็นพุทธไม่เห็นจำเป็นต้องรีบลาจากไปไหนเลย อยู่เสวนากับพ่อแม่พี่น้องกันบ้างเพราะต่างก็จากกันไปมีชีวิตของตน มีโอกาสทีที่จะมาพบปะกันก็อยู่พูดคุยสนทนากันไม่เห็นจะเป็นอะไร จะมาสอนให้รีบๆ ลากลับด้วยเหตุผลอะไร ยึดมั่นถือมั่นในตนเองจนเกินไปไม่ถูกทั้งอิสลามทั้งพุทธนั่นแหละ
มีหะดีษหนึ่งว่า
 "ท่านนบีฯ ขอไฟ จะเอาไปเผามดทั้งรัง ที่มดกัดท่าน มีผู้คัดค้านท่านนบีฯว่า มดกัดท่านเพียงไม่กี่ตัวท่านจะเผามันทั้งรังเลยหรือ ท่านนบีจึงยุติการคิดจะเผามดทั้งรัง"

หะดีษนี้สอนให้รู้ว่า ระดับท่านนบีฯยังต้องฟังคำคัดค้านจากผู้อื่นเลย ไหนเลยอย่างเราๆ ท่านๆ อุมมะห์หางแถว(ไกล้อาคิเราะหแล้ว) จะไม่ยอมรับฟังคนอื่นๆดูบ้างหรือ อย่าทะนงตนว่าเก่งว่าดีเลิศเลอกว่าใครอื่นใด

ถ้าเราทำในสิ่งที่ดีถูกต้องแล้วด้วยการตรวจสอบจากหลักศาสนาแล้ว ไม่ต้องไปหวั่นไหวกับคำพูดติฉินนินทา จากผู้อื่น
แต่ถ้าทำอะไรผิดพลาดไปมีเสียงตอบกลับมาในทางลบ ก็แสดงว่าเรายังบกพร่องไปต้องแก้ไข อย่างเช่น การทำงานด้านการให้บริการ เรายิ่งต้องหมั่นตรวจสอบดูแลทุกข์สุขลูกค้า ภาษิตฝรั่งเขาว่า "ลูกค้าคือพระเจ้า" เพราะเป็นผู้นำเงินมาให้เรา ถ้าทำงานด้านให้บริการแล้วข่มใจตัวเองไม่ได้ว่าต้องบริการลูกค้าให้ดีๆ ไม่ได้ ก็เลิกทำอาชีพนี้เสีย การที่มีผู้พูดกล่าวถึงตนในทางไม่ดีที่ไม่ถูกใจตนนั้น ผู้พูดเขาย่อมรู้อยู่ว่าระหว่างอิบาดะห์กับงานด้านบริการลูกค้านั้นคนละเรื่องกัน เขาพูดในเรื่องการบริการ ไม่ได้พูดเรื่องศาสนา

ฟีอิมานิลลาฮิ มะอฺ อัสลามะห์
ฮัจญีอิสมาอีล อานนท์ เพ็ญพันธ์

ป้ายกำกับ: , , ,

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก